วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ภาษาญี่ปุ่นไม่ยากอย่างที่คิด

 ตัวอักษรในภาษาญี่ปุ่นมี 3 ชนิด ประกอบด้วย 

  1. ฮิรางานะ (Hiragana)
          ประกอบด้วยตัวอักษรทั้งสิ้น 46 ตัว แต่ละตัวจะมีเสียงอ่านในตัวอักษรนั้น เช่น に(ni) ほ(ho) ん(n) ซึ่งเมื่อเขียนต่อกันก็จะได้เป็น にほん(nihon) ซึ่งมีความหมาย คือ ญี่ปุ่น
          ในการเรียนภาษาญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะเริ่มจากการแทนตัวอักษรญี่ปุ่นด้วยภาษาอังกฤษ (โรมาจิ) และเมื่อเริ่มคุ้นเคยแล้ว ก็จะเริ่มจำฮิรางานะ คาตาคานะ และคันจิ ต่อไปตามลำดับ
  2. คาตาคานะ (Katakana)
          ประกอบด้วยตัวอักษร 46 ตัว เช่นเดียวกับฮิรางานะ และอ่านออกเสียงเหมือนกัน เพียงแต่มีวิธีการเขียนแตกต่างกับฮิรางานะเท่านั้น
          คาตาคานะมักจะใช้แทนคำที่ทับศัพท์มากจากภาษาต่างชาติ เช่น テ(te) レ(re) ビ(bi) ซึ่งเมื่อเขียนต่อกันก็จะได้เป็น テレビ(terebi) ซึ่งเป็นการทับศัพท์และย่อให้กระชับจากคำว่าโทรทัศน์ (televison) เป็นต้น
  3. คันจิ (Kanji)
          เป็นตัวอักษรจีน ซึ่งญี่ปุ่นได้ดัดแปลงบางส่วนให้กระชับขึ้น มีทั้งสิ้นประมาณ 5,000 ตัว แต่ที่ใช้โดยทั่วไปมีประมาณ 1,800 ตัว แต่ละตัวจะมีความหมายและวิธีอ่านออกเสียงเป็นการเฉพาะ จึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการฝึกฝนให้เชี่ยวชาญ ผู้ที่เริ่มศึกษาใหม่อาจจะตั้งเป้าหมายว่าจะจำตัวคันจิเบื้องต้นประมาณ 50-100 ตัว

    นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดมาตรฐานการเขียนคำอ่านภาษาญี่ปุ่น ด้วยภาษาอังกฤษอีก 1 ชนิด คือ โรมาจิ ดังนี้
  4. โรมาจิ (Romaji)
          เป็นอักษรภาษาอังกฤษที่ใช้แทนการเขียนอ่านด้วยภาษาญี่ปุ่น มีหลักเกณฑ์มาตรฐานที่ชัดเจน จึงมีความสะดวกต่อชาวต่างชาติในการฝึกเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วยการเขียนและอ่านด้วยอักษรโรมาจินี้

    สำหรับเว็บไซต์นี้จะใช้อักษรโรมาจิ และฮิรางานะ ในการอธิบายเป็นหลัก แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับภาษาญี่ปุ่น อาจจะไม่ทราบวิธีอ่านออกเสียงอักษรโรมาจิ ดั้งนั้น เพื่อเป็นแนวทางคร่าวๆ จึงได้เพิ่มเติมวิธีอ่านอักษรโรมาจิเป็นภาษาไทยในไว้อีก 1 หัวข้อ ดังนี้
  5. คำอ่านภาษาไทย
          เป็นวิธีการอ่านอักษรโรมาจิ เป็นภาษาไทย เพื่อให้ผู้ที่เริ่มศึกษาภาษาญี่ปุ่นมีแนวทางในการฝึกออกเสียง แต่เนื่องจากมีคำญี่ปุ่นบางคำ อาจเทียบเสียงเป็นภาษาไทยไม่ได้ จึงควรหาโอกาสฟังสำเนียงที่ถูกต้อง และฝึกฝนอย่างถูกต้องต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น